ดูเหมือนว่าคนที่ตีหน้านิ่งอยู่เมื่อครู่จะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
จากน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ไม่กระด้างเหมือนอย่างเมื่อครู่ แถมดวงตาคมนั่นก็ส่องประกายแปลก ๆ มันไม่ได้ดุดันจนน่ากลัวแต่กลับชวนให้ขนลุก ยิ่งตอนที่มือใหญ่เลื่อนขวดเหล้ากลับคืนมาไว้ฝั่งตนเองแล้วละมือออกมาลูบตรงต้นขายิ่งทำให้คนตัวบางสะดุ้งกับสัมผัสนั้น ชลนทียกขาขึ้นหนีทันทีตามสัญชาติญาณแต่กลับเป็นการเปิดทางให้อีกคนคว้าเรียวขาทั้งสองไว้ยกพาดบนลำขาแข็งแกร่ง
ร่างโปร่งที่ไม่ทันตั้งตัวเลยเสียหลักหงายหลังลงไปกับโซฟาเป็นผลให้อีกคนโน้มตัวตามลงมากดทับได้อย่างง่ายดาย
และก่อนที่นักข่าวฝึกหัดจะได้ปัดป้องใด
ๆ ริมฝีปากหยักก็ฉกวูบลงประกบริมฝีปากได้รูปอย่างแม่นยำและรวดเร็ว ใบหน้าขาวหันหนีทันที มือทั้งสองข้างพยายามจะยกขึ้นผลักอีกฝ่ายแต่เทวาก็รวบเอาไว้ทั้งตัวจนขยับไม่ได้ ยิ่งชลนทีเอียงหน้าหนีก็ยิ่งเท่ากับเป็นการเปิดทางให้ทั้งจมูกและริมฝีปากของอีกฝ่ายลากไล้ไปตามข้างแก้มและลำคอได้อย่างสะดวก
“มะ...ไม่...คุณ...เทวา” ชลนทีเรียกอีกคนเสียงหลง กายบางดิ้นพล่านอยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่ง
“หืม” ถึงจะขานรับ
แต่จมูกและริมฝีปากยังไม่หยุดไต่ตอมผิวเนื้อเนียนตรงหน้า
“คือ...อ๊ะ..” กำลังจะพูดออกมา
แต่ความเจ็บจี๊ดจากการถูกดูดดึงผิวเนื้อตรงลำคอก็ทำเอาสะดุ้ง
“จะตอบได้หรือยัง
ถ้าไม่ตอบฉันจะไม่ถามแล้วนะ”
มาเฟียหนุ่มละใบหน้าออกมาสบตากับอีกคนที่มองกันอย่างเอาเรื่อง แต่เทวาก็ไม่สะทกสะท้านกับดวงตาสีน้ำตาลใสนั่น สายตาคมโลมเลียไปตามใบหน้าและลำคอยืนยันในคำพูดก่อนหน้านี้ว่าหากชลนทีไม่คิดจะตอบคำถามกันเขาก็จะหันไปสนใจกับกิจกรรมอื่นแทน
เทวาจับสองขาที่ขยับยุกยิกตั้งท่าจะถีบขาตนเองแยกออกจากกันแล้วแทรกตัวลงระหว่างกลาง มือใหญ่รวบสองมือชลนทีขึ้นบนศีรษะไม่เบาแรงนักเพราะความพยศของคนข้างใต้ ข้อมือบอบบางเกินชายกระแทกเข้ากับพนักวางแขนโซฟา ความเจ็บแล่นจี๊ดจนคิ้วเรียวขมวดมุ่น
“แล้วทำไมคุณจะต้องมาเค้นถามผม ในเมื่อ อ๊ะ..คุณก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าพะ..พวกคุณ
ทำอะไร...กัน” ชลนทีหลับหูหลับตาพ่นคำพูดออกไป ติดขัดเป็นพัก ๆ
ยามที่สัมผัสจากมือร้อนเข้าทาบกับผิวกายภายใต้เสื้อเชิ้ต
พยายามจะสะบัดมือออกแต่ยิ่งขัดขืนก็ยิ่งถูกกำรอบข้อมือแน่นจนเจ็บยิ่งกว่าเดิม
“ฉันทำอะไร” เทวาถามกลับ ยังไม่ปักใจเชื่อว่าชลนทีจะรู้ถึงขนาดที่ว่ามีการส่งภาพวาดจีนโบราณของจริงไปกับเรือส่งสินค้าลำเมื่อคืน
“ก็ค้ายาไง” คราวนี้คนที่ดิ้นอยู่หยุดดิ้นแล้วส่งสายตาฟาดฟันกับคนที่อยู่เหนือร่างกาย
อยากรู้ว่าเทวาจะทำหน้ายังไง
“ว่าอะไรนะ!!” มือใหญ่ที่ลูบวนอยู่แถวแผ่นอกชะงักทันที คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันกับสิ่งที่ได้ยิน
“คิดว่าไม่มีใครรู้ละสิ
ป่านนี้ตำรวจคงรู้กันทั่วแล้วละ”
“ดูมั่นใจจริงนะ”
“แน่นอน ถึงคุณจะจับตัวผมกับผู้กองพชรได้ แต่ตำรวจคนอื่นก็คงรู้ข่าวแล้ว ป่านนี้เขาคงไปรอจับคนของคุณพร้อมของกลางที่เกาะไหนสักเกาะแล้วละ”
“อย่างงั้นเหรอ”
“.....อื้อ...”
คำพูดที่จะต่อปากต่อคำถูกกลืนหายไปอีกครั้งเพราะคนด้านบนไม่ปล่อยให้ริมฝีปากนั้นได้มีโอกาสเจื้อยแจ้วอะไรอีก ชลนทีเผยอริมฝีปากจะท้วงยามเมื่อมือใหญ่ปัดผ่านเม็ดเล็ก
ๆ ใต้เนื้อผ้า
เป็นผลให้คนที่รอจังหวะอยู่แล้วส่งปลายลิ้นเข้าไปทักทายสิ่งเดียวกันของคนใต้ร่างทันที
เทวาแทรกปลายลิ้นชื้นเข้าไปไล่ต้อน
ดูดดึงอย่างเอาแต่ใจไม่สนว่าอีกคนจะพยายามหลบเลี่ยงแค่ไหน
หนักเข้าเจ้าของลิ้นเล็กจึงใช้ฟันขบกัดปลายลิ้นที่รุกต้อนกันอยู่ แต่มีหรือที่มาเฟียหนุ่มจะล่าถอย มือใหญ่ใต้เสื้อเชิ้ตกดบีบเนินเนื้อเม็ดเล็กจนร่างโปร่งผวา
ความเจ็บแล่นพ่านจนน้ำตาซึมยอมคลายฟันคมออก
เทวาใช้จังหวะนั้นถอนริมฝีปากออกก่อนจะก้มบดเบียดลงไปใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้เขาคงต้องทำโทษเด็กดื้อกันบ้าง
ฟันคมกัดลงบนริมฝีปากล่างของคนข้างใต้จนได้กลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ริมฝีปากร้ายเคล้าคลึงอยู่แถวปากแผลจนพอใจแล้วแทรกปลายลิ้นเข้าไปเก็บเกี่ยวกวาดชิมความหวานด้านในใหม่อีกครั้ง
และคราวนี้คนที่ได้รับบทเรียนก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านแล้ว
มือใหญ่ใต้เนื้อผ้ายอมคลายแรงออก
เปลี่ยนเป็นเคลื่อนไหวหยอกล้อสลับไปอีกข้างจนคนที่ฤทธิ์เยอะอยู่เมื่อครู่เริ่มสะท้าน ชลนทีบิดกายไปมาหลบหลีกสัมผัสจากมือร้อน
แต่สำหรับคนที่อยู่ข้างบนแล้วยิ่งอีกคนขยับตัวมากเท่าไหร่ร่างกายก็ยิ่งเสียดสีกันมากเท่านั้น
เทวานึกชอบใจเมื่อบางสิ่งบางอย่างใต้ร่มผ้าเริ่มแปรสภาพขยายตัวบดเบียดกับของคนข้างใต้ซึ่งมีเพียงผ้าเนื้อบาง
ๆ กั้นไว้
เนิ่นนานที่คนด้านบนตักตวงอย่างเอาแต่ใจจนชลนทีคิดว่าตนเองแทบหมดลมหายใจไปแล้ว อีกคนถึงได้ยอมปล่อยริมฝีปากกันให้เป็นอิสระ กลีบปากที่เริ่มแดงเห่อเผยอหอบเอาลมหายใจเข้าปอดโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าภาพแบบนั้นมันดูเชิญชวนมากแค่ไหน แล้วคนที่มองอยู่ก็ทนดูไม่ได้นาน
เทวาก้มลงไปดูดดึงกลีบปากแดงนั้นอีกครั้ง
และอีกครั้งอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย
นึกเสียดายที่มัวปล่อยหนูตัวน้อยนี้วิ่งเล่นที่อื่นอยู่เสียนาน
“จะ...อ๊ะ..ทำอะไ..ร”
เสียงหวานร้องออกมาทันที
เมื่อสัมผัสอุ่นจากมือที่เคยหยอกล้ออยู่กับอกเลื่อนลงไปทาบกลางลำตัว
ริมฝีปากหยักสาละวนอยู่บนเนินเนื้อเม็ดเล็กผ่านเนื้อผ้าจนน้ำลายเปียกชื้นเป็นวงกว้าง แต่ถึงอย่างนั้นความวาบหวามที่ชลนทีได้รับก็ไม่ต่างจากการที่อีกคนใช้ปลายนิ้วสะกิดเขี่ยสลับกับบีบดึงอยู่เมื่อครู่เลย....เจ็บแสบแต่กลับหวามไหว
“ไม่รู้จริง ๆ เหรอ หืม...”
น้ำเสียงที่เคยทุ้มแหบพร่าเสียจนคนฟังขนลุก
ช่างขัดกับแววตาหยอกเย้าที่ตั้งใจส่งไปกวนประสาทให้คนมองขัดใจเล่น
แล้วก็ได้ผลเมื่อคนข้างใต้เริ่มแผลงฤทธิ์อีกครั้ง ดวงตาใสวาววับ สองมือน้อยขยับบิดหวังจะหลุดออกจากการถูกรวบ สองขาเตะถีบไปตามลำขาแข็งแกร่ง จนเทวาต้องกดน้ำหนักมือลงไปเค้นคลึงให้หนักขึ้นสลับกับลูบไปตามความยาวของสิ่งอ่อนนุ่มในมือคลายอาการพยศ
“....อ๊ะ....”
ไม่นานก็สอดมือเข้าไปด้านในรั้งขอบชั้นในลงแล้วเริ่มทักทายกับส่วนอ่อนไหวนั้นอย่างเป็นทางการ ชลนทีบิดกายเร่าทันทีที่เทวากดปลายนิ้วลงตรงส่วนปลายไม่เบามือนัก ริมฝีปากบางขบเข้าหากันยามเมื่อถูกฝ่ามือใหญ่กำรอบและขยับขึ้นลงเสียดสี
เมื่อเห็นแบบนั้นคนคุมเกมจึงลองปล่อยมือที่รวบข้อมือบางออกดู ชลนทีไม่ได้ออกฤทธิ์ออกเดชมากมายเหมือนอย่างตอนแรกอีกแล้ว เป็นเพราะเขาเองที่รีบรุกจนไม่ปล่อยให้อีกคนมีโอกาสตั้งตัว
เทวาตอบโต้อาการพยศน้อย
ๆ ของร่างโปร่งด้วยการเพิ่มจังหวะและน้ำหนักกับสิ่งในมือยามเมื่ออีกคนออกแรงผลักไสหรือทุบตีเขา
มาเฟียหนุ่มไม่รู้ว่าระหว่างสีหน้าที่แสดงถึงอารมณ์ปรารถนากับแววตาซึมน้ำที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวคงเจ็บไม่น้อยยามที่เขากดปลายนิ้วหนัก
ๆ ที่ส่วนปลายแบบไหนถูกใจเขามากกว่ากัน
แต่ที่แน่ ๆ ไม่ว่าคนตรงหน้าจะแสดงสีหน้าและแววตาแบบไหนมันก็ชวนให้เขาอยากฝังกายลงไปในร่างตรงหน้าเสียตอนนี้ให้หนัก
ๆ
ชลนทีแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเสื้อเชิ้ตหลุดออกไปจากตัวตอนไหน ในหัวพยายามจะคิดอะไรมากมายแต่สุดท้ายก็กลับว่างเปล่า รับรู้เพียงสัมผัสเร่าร้อนจากส่วนกลางกายเท่านั้น ไม่อยากจะยอมรับว่าเผลอหลงใหลได้ปลื้มไปกับสัมผัสนั้น ที่เคยทำด้วยตัวเองมาทั้งชีวิตมันเทียบไม่ได้กับสัมผัสที่คนตรงหน้านี้แตะต้อง ฟันคมขบกัดริมฝีปากเห่อช้ำจนเลือดสีแดงซึมขึ้นมาอีกครั้ง คนที่มองอยู่จึงโน้มกายลงไปใช้กลีบปากบดคลึง
ดูดดึงด้วยความมันเขี้ยว
จนเรียกเสียงร้องจากคนเจ็บแผล
“...ซี้ด....”
เทวาละริมฝีปากออกมามองจ้องกันเพื่อดูผลงาน ใบหน้าที่เคยขาวใสขึ้นสีเรื่อเมื่อถูกจ้องมองแบบนั้นทั้งที่มือของอีกฝ่ายยังคงเคลื่อนไหว และมันน่าเจ็บใจที่ตัวเขาเองกลับขยับกายตอบรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มใจโดยไร้ซึ่งการขัดขืนอย่างที่ควรจะเป็น สุดท้ายเปลือกตาบางจึงเลือกจะปิดลงข่มความอายเพราะไม่กล้าสบสายตาที่มองมาเหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งร่างกายนั้นได้อีก เด็กที่เคยดื้อจึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มกว้างที่แสดงออกถึงความพึงพอใจของอีกคน
เทวาจับชลนทีพลิกคว่ำเมื่อรับรู้ถึงส่วนปลายที่เริ่มปริ่มน้ำมากขึ้นของร่างโปร่งและคงจะปลดปล่อยออกมาในอีกไม่ช้าต่อจากนี้
มาเฟียหนุ่มใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาทีลุกขึ้นจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองในขณะที่สายตาคมยังคงโลมเลียไปตามกายขาวขึ้นสีประปรายเพราะฝีมือตนเองตรงหน้า ชลนทีพยายามชันตัวลุกขึ้นเมื่อสบโอกาส
แต่แล้วสัมผัสอุ่นร้อนที่หลังต้นคอก็ทำให้ต้องย่นคอหนี ก่อนที่ในนาทีต่อมากายบางจะโอนอ่อนผ่อนไปตามท่าทางที่มาเฟียหนุ่มต้องการอีกครั้งเมื่อมือใหญ่สัมผัสเข้ากับจุดเดิมที่ยังค้างคา แผ่นหลังขาวแนบไปกับอกแกร่งในขณะที่บางสิ่งบางอย่างด้านล่างดุนดันเสียดสีอยู่กับก้อนเนื้อนุ่ม
สำนึกภายในบอกให้ขยับหนีแต่ร่างกายกลับเบียดเข้าหา....ช่างน่าอายสิ้นดี
ไม่นานหลักฐานที่ฟ้องถึงแรงปรารถนาก็หลั่งไหลออกมาให้เจ้าของได้อับอาย กายบางซบแนบไปกับผืนโซฟา
ทั้งหมดแรงทั้งอายที่ต้องมาปลดปล่อยกับมือคนแปลกหน้า
“.....ไม่...มัน..เจ็บ....”.
น้ำตาหยดใสไหลรินทันทีที่สิ่งแปลกปลอมชำแรกเข้ามาภายในร่างกาย ชลนทีกระถดตัวหนีแต่ถูกลำแขนแกร่งดึงรั้งช่วงเอวเอาไว้
“อย่าเกร็ง” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบชิดริมหู ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะไล่เล็มไปตามหลังใบหูละเรื่อยลงไปยังแก้มสีเรื่อและต้นคอ มือใหญ่ข้างที่ไม่ได้แทรกซอนอยู่ในช่องทางอ่อนนุ่มทำหน้าที่ปลอบประโลมไปทั่วแผ่นอก หยอกล้อกับเนินเนื้อเม็ดเล็ก
เรียกอารมณ์หวามไหว
ในขณะที่ปลายนิ้วขยับเข้าออกสลับกับควานหาจุดที่จะทำให้อีกคนพร้อมเร็วขึ้น
“...อื้อ....เอาออก...เจ็บ..มะ..ไม่เอา...”
มือบางดันวงแขนแกร่งที่กอดรั้งตนเองไว้แน่นออก ใช้มืออีกข้างกดจิกจนเจ็บด้วยกันทั้งเจ้าของวงแขนและเจ้าของเอวบางที่ถูกรัดหนักขึ้น
แต่ความเจ็บจากช่วงเอวที่ได้รับยังไม่เทียบเท่าถึงครึ่งหนึ่งจากความเจ็บตรงช่องทางอ่อนนุ่มที่มีบางสิ่งกำลังกดตัวแทรกเข้ามา
“...อย่าเกร็ง....”
เทวาเอ่ยบอกพร้อมกับผ่อนแรงกอดรัดที่เอวลง เหลือเพียงประคองไว้ไม่ให้ร่างตรงหน้าทรุดลงไปเท่านั้น มาเฟียหนุ่มคิดว่าเขาพยายามใจเย็นอย่างที่สุดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในตอนที่ค่อย
ๆ แทรกตัวกดส่วนปลายเข้าไปและพบว่ามันคับแน่นจนช่องทางของร่างโปร่งอาจจะฉีกขาดถ้าเขาดันทุรังเสือกไสเข้าไปเพียงครั้งเดียว แต่อีกคนก็กลับไม่ให้ความร่วมมือกัน
ซ้ำยังจะดึงดันให้เจ้าตัวนั้นเจ็บยิ่งกว่าเดิม
“..ผ่อนคลายหน่อย.....แบบนั้น......”
“....ดีมาก... เด็กดี......”
น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าคล้ายมนต์สะกด คอยกระซิบย้ำซ้ำ ๆ
อยู่แบบนั้นสลับกับสัมผัสอุ่นจากริมฝีปากหยักพรมจูบไปบนหลังคอและแผ่นหลังขาวเนียนให้อีกคนรู้สึกผ่อนคลาย
“.....อื้อ.....” / “...อ่า...แน่นเกินไปแล้ว”
เทวาตัดสินใจกดกายเข้าไปอีกครั้งจนสุด
หลังจากกัดฟันข่มความต้องการเอาไว้อยู่นาน
น้ำเสียงหวานครางประท้วงทันทีเมื่อร่างกายรับสิ่งแปลกปลอมเข้าไปจนเต็มลำ น้ำตาหยดใสไหลลงปลายหางตาแทนทุกความรู้สึก เจ็บ
จุก อึดอัดจนเกินบรรยาย
คนที่ทำร้ายกันจึงส่งมือใหญ่ไปประครองใบหน้าเปื้อนน้ำตาหวังจะให้หันมารับจูบปลอบประโลม แต่เจ้าของใบหน้าขาวกลับหันหนีกันเสียอย่างนั้น ทั้งที่คิดว่าอีกคนน่าจะสิ้นฤทธิ์ไปนานแล้ว
“นายไม่ควรพยศเวลานี้นะ”
/ “....อ๊ะ...” ไม่ว่าเปล่า...เจ้าของกายใหญ่เริ่มขยับเข้าออก
ในคราแรกเทวารู้สึกถึงการต่อต้านจากคนด้านหน้า
แต่เขาก็ฝืนเคลื่อนกายเข้าออกไม่สนใจอากัปกิริยานั้น ไม่นานเมื่อความรู้สึกฝืดเคืองเริ่มคลาย กายบางก็เคลื่อนไหวสั่นคลอนไปตามแรงส่ง
“....อ๊ะ....อ๊ะ.....อึก...”
ยิ่งเสือกไสร่างกายก็ยิ่งร้อนรุ่ม ยิ่งได้ยินเสียงร้องหวาน ๆ
ก็ยิ่งปลุกไฟแห่งความต้องการในตัวให้โหมหนักกว่าเดิม ริมฝีปากร้อนที่พรมจูบไปตามแผ่นหลังละออก ลำแขนแข็งแกร่งกอดกระชับเอวบางไว้มั่น เร่งโถมกายเข้าหาจนร่างโปร่งคิดว่าตนเองคงต้องถลาไปข้างหน้าแน่ถ้าไม่ยึดจับพนักวางแขนโซฟาเอาไว้
ชลนทีกัดปากจนเจ็บไปหมด บทรักเร่งเร้าและร้อนแรงที่คนด้านหลังกระหน่ำป้อนส่งให้ทำเอาเขาแทบคิดอะไรไม่ออก
ซ้ำส่วนอ่อนไหวยังถูกปรนเปรอขยับเคลื่อนไหวอยู่ในอุ้งมือร้อน
สุดท้ายจึงได้แต่ยอมโอนอ่อนปล่อยตัวปล่อยใจไปตามจังหวะกระแทกกระทั้นถี่เร็วนั้น
ไม่ต่างกันกับคนที่โถมแรงใส่ไม่ยั้ง เหมือนว่าจะเรียกกำไรคืนให้สาสมกับที่อดทนมานานในช่วงแรกเริ่ม
ความอุ่นร้อนกับแรงบีบรัดในช่องทางคับแน่นปลุกไฟในกายจนอยากแผดเผากายบางนี้ให้มอดไหม้ไปกับบทรักของตนเอง
“....อืม......”
ไม่นานกระแสธารอบอุ่นก็สาดซัดดับไฟรักที่โหมกระพืออยู่ก่อนหน้านี้ ร่างสูงแช่กายค้างไว้ปลดปล่อยทุกหยาดหยดในช่องทางอบอุ่น ในขณะที่มือใหญ่ขยับช้า ๆ
รีดผลผลิตจากแรงปรารถนาของร่างในอ้อมแขนออกอีกครั้ง
ชลนทีทรุดตัวลงกับผืนโซฟาทันทีเมื่อรู้สึกถึงความวูบโหวงด้านหลังกับลำแขนแกร่งที่เริ่มคลายออก ริมฝีปากสีแดงเผยอหอบหายใจเหนื่อยอ่อน
จนคนที่มองจากด้านหลังถึงกับยิ้มเอ็นดูกับภาพนั้น
“หมดแรงแล้วหรือไง ลูกหนูของฉัน”
ทั้งที่คิดว่ามันน่าจะจบลงแล้ว
แต่เปล่าเลย.....กายบางถูกจับพลิกให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน
ก่อนจะถูกช่วงชิงลมหายใจในวินาทีต่อจากนั้น และกว่าจะได้ออกแรงปัดป้องตนเองครั้งใหม่ความอบอุ่นก็ถูกเติมเต็มใส่เข้ามาอีกครั้ง อีกครั้ง........และอีกครั้ง
“....ไม่...อ๊ะ...พอ....แล้ว....”
“..คุณเทวา...อื้อ...ผม..ไม่..ไหว...”